เรื่องเสียวเกย์ ลองลิ้มชิมหนุ่มอิตาเลี่ยน พรรคพวกเพื่อนฝูงที่เคยไปเที่ยวอิตาลีต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นั่นแสนจะสวยและโรแมนติค โดยเฉพาะหนุ่มหล่ออิตาเลียน หล่อเกินบรรยายแทบทุกคน แถมบางคนที่เคยได้ลอง ยังบอกอีกว่าร้อนแรงเหลือเกิน ผมฟังแล้วก็เกิดอาการที่เรียกว่า “ชีพจรลงเท้า” เอ…หรือว่าชีพจรลงไอ้นั้นก็ไม่รู้ อยากไปเที่ยวอิตาลีขึ้นมาบ้าง แต่พอชวนใครไปด้วยกลับไม่มีใครยอมไป อ้างว่าไม่ว่างบ้างละหรือไม่ก็เคยไปมาแล้ว ถึงจะสวยอย่างไรก็ไม่อยากไปอีก ไม่ชอบความซ้ำซาก อยากไปเที่ยวที่ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยไป ผมเลยขี้เกียจง้อ ฉายเดี่ยวก็ได้
ไม่ใช่ว่าไม่เคย สบายดีด้วย อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ เผื่อฟลุคมีหนุ่มอิตาเลียนรูปหล่อมาปิ๊ง ไปคนเดียว โอกาสได้กุ๊กกิ๊กกันมันง่ายกว่าไปหลายคน แล้วผมก็มาถึงโรมแบบคนเดียวโดด ๆ ช่างเป็นการเดินทางที่อิสระเสรีไม่มีใดเหมือน ไม่ต้องวางโปรแกรมว่าวันนี้จะไปไหน นึกอยากจะไปไหนขึ้นมาก็ไปเลย การท่องเที่ยวคนเดียวมันก็ดีอย่างนี้เอง ผมต้องยอมรับว่าที่เพื่อน ๆ พูดกันถึงความหล่อของหนุ่มอิตาเลียนนั้น ไม่ได้เกินความจริงเลย เดินตามถนนเห็นผู้ชายเดินผ่านไปมา บอกได้เลยว่าหล่อแทบทั้งนั้น ระดับความหล่อนั้นแตกต่างกันไปบ้าง ตั้งแต่หล่อธรรมดา หล่อมาก หรือหล่อที่สุด ไอ้ที่ไม่หล่อเลยหายาก
แรก ๆ ผมก็ตื่นตาตื่นใจตามประสาคนไม่เคยเห็น แต่พอหลายวันเข้าก็ชักจะชินไปเอง นอกจากความหล่อคมเข้มแล้ว พวกหนุ่มอิตาเลียนยังขึ้นชื่อในเรื่องความเจ้าชู้ ผู้ชายแท้ ๆ ก็ยักคิ้ว หลิ่วตา หรือไม่ก็ผิววปากเสียงดังลั่น ถ้าเจอสาวสวยถูกใจ โดยเฉพาะถ้าเห็นรูปร่างหน้าตาว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ จีบได้เป็นจีบ ส่วนหนุ่มประเภทที่นิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกัน ก็ทั้งเล็งทั้งเหล่หนุ่มที่ถูกตาต้องใจ แล้วผมไปเดินอยู่คนเดียว หน้าตาท่าทางเงอะงะเต็มที ดูอย่างไรก็รู้ว่าเป็นคนต่างถิ่นพลัดหลงมา จะไม่ตกเป็นเป้าสายตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มของหนุ่มเจ้าถิ่นได้อย่างไร แต่จนแล้วจนรอด ผมก็รักษาเนื้อรักษาตัวให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของหนุ่มอิตาเลียนมาได้หลายวัน
ที่จริงแล้วก็อยากอยู่หรอก ไม่ใช่ไม่อยาก แต่ยังต้องการเดินเที่ยวชมกรุงโรมให้ทั่วถึงก่อน มาเที่ยวทั้งที ก็อยากดูของสวยของงามคู่บ้านคู่เมืองของเขาบ้าง ไม่ใช่คิดแต่จะเล่นเสียวอย่างเดียว
แต่พอหลายวันเข้า ผมก็เริ่มรู้สึกว่าชักจะไม่ไหวเหมือนกัน กับการเดินชมเมืองอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เพราะบังเอิญว่ามันกำลังเป็นช่วงหน้าร้อน ถึงจะไม่อยู่ในเขตร้อนก็จริง แต่หน้าร้อนที่โรมนี่ บอกตรง ๆ ว่าร้อนไม่แพ้ที่ไหน ๆ ทั้งร้อนทั้งแห้งอย่างไรก็ไม่รู้ อีกอย่างหนึ่ง ผมรู้สึกว่าน่าจะเพียงพอแล้วกับการเดินเบียดเสียดกับผู้คน อะไรที่น่าดูน่าชมก็ไปมาจนหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโคลีเซียม บันไดสเปน หรือน้ำพุเทรวี
ตกกลางคืน ขณะนอนพักขาอยู่บนเตียง ผมก็เกิดความคิดว่าวันที่เหลืออยู่น่าจะไปนอนพักผ่อนรับลมทะเลให้สบายตัว จำได้ว่าตอนที่เครื่องบินจะลงจอดที่สนามบินฟูมิชิโนของโรม ผมเห็นชายหาดยาวเหยียดอยู่เบื้องล่าง มันน่าจะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก คิดได้แล้วก็กะว่าวันรุ่งขึ้นจะต้องไปให้ได้ ความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลียจากการเดินทางท่องกรุงโรมมาหลายวัน ทำให้คืนนั้นผมหลับเป็นตาย กว่าจะตื่นก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเอาเกือบบ่าย ไม่ลืมเป้สะพายที่ภายในมีพร้อมทั้งผ้าเช็ดตัวและแว่นกันแดด เตรียมไปนอนผึ่งลมที่ชาดหาย
ผมสอบถามถึงการไปที่นั่นกับพนักงานหนุ่มรูปหล่อของโรงแรมที่พัก ได้ความว่าไปได้ง่าย ๆ เพียงไปขึ้นรถไฟที่สถานีใกล้ ๆ กับโรงแรม นั่งไปจนสุดสายใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง แล้วต่อรถเมล์ซึ่งก็มีเพียงสายเดียวไปจนสุดสายอีกที ก็ถึงชาดหาดที่มีชื่อว่า “เอล บูโก” เขายังบอกอีกว่าชื่อมันไม่น่าฟังเพราะแปลว่ารู แต่ว่าไปแล้วจะติดใจจนต้องไปอีก ผมแน่ใจว่าเขาต้องรู้ว่ามีอะไรดี ๆ ที่นั่นแน่ แต่ไม่ยอมบอกผม ให้ไปเจอเองดีกว่า
ผมมาถึงชาดหาดอันเป็นจุดหมายปลายทางเมื่อเวลาบ่ายคล้อย แดดเริ่มอ่อนแสงลงบ้างแล้ว ดีเหมือนกันจะได้ไม่ร้อนมาก ลงจากรถเมล์แล้ว ผมก็เดินไปตามชาดหาด ผู้คนเยอะแยะไปหมด ลืมไปว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ จึงมีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ นั่งนอนหรือเล่นกีฬากันแน่นชาดหาด หาที่ว่างแทบไม่ได้ ผมตัดสินใจเดินห่างออกมาจากบริเวณที่พลุกพล่านนั้น ไม่นานนักก็ถึงที่สงบกว่า ที่น่าแปลกคือบริเวณชายหาดด้านนี้ มีแต่ผู้ชายหนุ่ม ๆ ทั้งนั้น ไม่มีเด็ก ไม่มีผู้หญิงเลย ผมจัดแจงปูผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่บนผืนทราย ถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่กางเกงว่ายน้ำ แล้วนั่งมองดูไปรอบ ๆ ตัว ไม่ว่าใกล้หรือไกล มีแต่หนุ่ม ๆ ทั้งนั้น บ้างก็นั่ง บ้างก็นอน บ้างก็เดินเล่นตามชายหาด บ้างก็ลงไปโต้คลื่นทะเลอย่างสนุกสนาน
เพิ่งรู้ว่ารอบตัวผมมีแต่หนุ่มหล่อทั้งนั้น มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจอะไรเช่นนี้ มันตื่นตาตื่นใจกว่าที่เห็นตามท้องถนนในโรมเสียอีก เพราะหนุ่มหล่อที่ชายหาดนี่ทุกคนมีเพียงกางเกงว่ายน้ำตัวเล็กจิ๋วปกปิดร่างกายเท่านั้น เผยให้เห็นเรือนร่างเกือบหมดทั้งตัวและแต่ละหนุ่มก็ล้วนแล้วแต่มีหุ่นเซ็กซี่กันทั้งนั้น ผมมองด้วยตาลุกโพรง ดีว่าแว่นกันแดดช่วยอำพรางดวงตาผมไว้ จึงไม่มีใครเห็นถึงความตื่นเต้นที่ผมเกือบซ่อนไว้ไม่อยู่ มีหนุ่มหลายคนจ้องมองผมบ้างเหมือนกัน บางคนก็แค่มองเฉย ๆ แต่บางคนทั้งมองทั้งส่งยิ้มมาให้ ผมจึงยิ้มตอบกลับไป ขณะกำลังมองหนุ่มหล่ออยู่เพลิน ๆ ฉับพลันทันใดก็มีเสียงห้าวทุ้มของใครคนหนึ่งดังอยู่ใกล้ตัวผม ฟังออกเพียงคำแรกที่เป็นคำทักทายในภาษาอิตาเลียนเท่านั้น ส่วนคำพูดที่เหลือผมไม่เข้าใจเอาเสียเลย
ผมหันมามองเจ้าของเสียงนั้น ความจริงต้องแหงนหน้าขึ้นมองเขามากกว่า เพราะเขายืนตระหง่านอยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นเจ้าของเสียงเข้าเท่านั้น ทำให้ผมรู้สึกคอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เขาเป็นหนุ่มหล่อแบบตาคมผมดำตามสไตล์อิตาเลียนขนานแท้ รูปร่างไม่เล็กไม่ใหญ่ ได้สัดส่วนกำลังดี ดูก็รู้ว่าเพิ่งขึ้นมาจากน้ำทะเล เพราะเนื้อตัวและผมเผ้าเปียกโชก เขาใส่กางเกงผ้าร่มขาสั้นสีอ่อน ๆ เท่านั้น จริง ๆ ไม่มีอะไรข้างในอีกเลย ผ้าเนื้อบางและใสออกอย่างนั้น พอเปียกน้ำเข้าก็ทำให้มองทะลุปรุโปร่งเข้าไปถึงไหน ๆ ผมแทบไม่ต้องจินตนาการถึงสิ่งที่อยู่ห่างจากหน้าผมไม่กี่คืบว่ามันมีรูปร่างขนาดและสีสันอย่างไร
“ขอโทษ…ผมฟังภาษาคุณไม่เข้าใจหรอก ผมเป็นนักท่องเที่ยว” ผมพูดกับเขาเป็นภาษาอังกฤษ หวังอยู่ในใจว่าหนุ่มหล่อคมเข้มคนนี้คงจะพอพูดภาษาของผมได้ ไม่อย่างนั้นคงเมื่อยมือแย่
“อ้อ ผมชื่อเปโดร ยินดีต้อนรับสู่โรมและชายหาดเอล บูโก” ผมดีใจอย่างออกหน้า เมื่อได้ยินเขาพูดภาษาของผมได้ ทนเหงาปากมาหลายวันเพราะไม่ค่อยได้คุยกับใคร เลยรีบเชื้อเชิญให้เขานั่งด้วยกัน มันแน่อยู่แล้วที่เขาจะไม่ปฏิเสธ เขาไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเป้ของเขาที่วางอยู่ไม่ไกลนัก เอาผ้ามาปูติด ๆ กับผม แล้วเราก็เริ่มคุยกัน “ผมชื่อแม็กซ์” รีบแนะนำตัวไปตามธรรมเนียม เพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนามให้เขารู้ เพราะมัวแต่จังงังกับใบหน้าหล่อและรูปร่างเซ็กซี่ของเขา ผมเป็นอย่างนี้ทุกทีเวลาเจอหนุ่มหล่อ
เราทำความรู้จักกันและพูดคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ แต่ตลอดเวลา ดวงตาอันคมปลาบราวใบมีดโกนของเขา จ้องมองผมไม่ว่างเว้น พวกหนุ่มอิตาเลียนคงเป็นอย่างนี้แทบทุกคน ถูกตาต้องใจใครก็เข้ามาตีสนิทพูดคุยด้วยทันที สายตาก็แสดงความปรารถนาอย่างไม่ซ่อนเร้น ผมพยายามละสายตาไปจากเขา ด้วยว่าความหล่อและเซ็กซี่ของเขามันรบกวนต่อมกระสันของผมมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมจึงมองห่างออกไปเพื่อคลายความร้อนรุ่มในตัว เห็นป่าโปร่งอยู่ลึกเข้าไปจากแนวชายหาด มีคนเดินเข้าออกไม่ขาดระยะ นึกสงสัยอยู่ครามครันว่าเข้าไปทำอะไรกันนะ จะว่าไปฉี่ก็ไม่น่าจะใช่ อากาศร้อนจนเหงื่อเกือบท่วมตัวอย่างนี้ ทำไมถึงได้ฉี่กันบ่อยนัก หรือว่าเข้าไปทำอย่างอื่น…
“แม็กซ์…คุณคงยังไม่ได้เข้าไปในป่านั่นสินะ” เขาพูดกับผม สายตามองไปทางป่าเบื้องหน้า “ยังเลย ไม่รู้ว่ามีอะไรในนั้น คนถึงได้เดินเข้าออกตลอดเวลา” “ถ้าอย่างนั้น…เข้าไปดูให้เห็นกับตาไหมล่ะ ผมจะเป็นไกด์พาคุณทัวร์ป่าเอง…รับรองสนุกแน่” เขาพาผมเดินเข้าสู่ป่า แรก ๆ ก็ยังโล่ง ๆ อยู่ แต่พอเดินลึกเข้ามาเรื่อย ๆ ก็มีสุมทุมพุ่มไม้ครึ้มไปหมด สายตาผมกวาดไปทั่ว เห็นหนุ่ม ๆ เดินคลอเคลียกันเป็นคู่ ๆ นึกอยู่แล้วเชียว ว่าต้องเป็นอย่างนี้แน่ ๆ ยิ่งเดินลึกเข้าไป ก็ยิ่งเห็นอะไรดี ๆ ยิ่งขึ้น หนุ่มนักรักกอดจูบลูบคลำกันเป็นคู่ ๆ ท่าทางเพลิดเพลินจนไม่มีใครสนใจใคร คู่ใครคู่มัน อย่าผิดคู่ก็แล้วกัน ไม่นานนักเราก็เดินมาถึงใจกลางป่า ผมเห็นต้นไม้หลายต้นบริเวณนี้แล้วอดนึกขำไม่ได้เพราะแทบทั้งต้นเต็มไปด้วยปลอกหลายขนาด แขวนอยู่ราวกับผลไม้ประหลาด ดกดื่นละลานตาจนนับไม่ถ้วน
ปลอกจำนวนมากมายที่แขวนอยู่บนต้นไม้ บ่งบอกว่าสถานที่นี้คือแหล่งเสพสุขของชายกับชาย ผมค่อย ๆ กวาดสายตาไปรอบ ๆ ถึงได้เห็นว่าสุมทุมพุ่มไม้และโขดหินช่วยปิดบังอำพรางการทำรักของหนุ่มหลายคู่ไม่ให้โจ่งแจ้งนัก และเมื่อตั้งใจฟังให้ดี ๆ ก็จะได้ยินเสียงครวญครางแว่วให้ได้ยินบ้าง เรื่องแบบนี้ผมเคยดูแต่ในหนังเท่านั้น ไม่เคยพบเห็นของจริงอย่างนี้ ใจคอเลยเต้นตูมตามไม่เป็นส่ำ “ที่นี้ก็รู้แล้วสินะ ว่าเขาเข้ามาทำอะไรกันในป่านี่…แล้วเราจะทำอย่างคนอื่นได้หรือยัง?” เขาไม่รอช้าที่จะรวบรัดตัดความ คงรอโอกาสนี้มานานแล้ว อันที่จริงผมก็ไม่คิดจะปฏิเสธ บอกตรง ๆ ว่าผมเป็นโรคแพ้ความหล่อ แต่มันอย่างไรก็ไม่รู้ ถ้าต้องทำอะไรกันแบบเย้ยฟ้าท้าดินอย่างนี้ “ในป่าเนี่ยเหรอ?” ผมละล่ำละลักถาม “หรือคุณชอบที่ชายหาดมากกว่า?” เขาแกล้งแหย่
“ตกลงเอาเป็นในป่านี่แล้วกัน…มาถึงโรมแล้วนี่ คงต้องทำอย่างที่ชาวโรมันเขาทำกัน” ผมตอบเขา “คิดได้อย่างนี้ก็ดี เพราะยังไงผมก็ไม่ปล่อยให้คุณออกไปจากป่านี่แน่…ถ้ายังไม่จ่ายค่าบริการทัวร์ป่าให้ผม” เขาจังแขนผมแน่น แล้วดึงตัวผมเข้าไปในหลืบหิน จัดการแขวนเป้ไว้กับต้นไม้เสร็จสรรพ ไม่มีการพูดพล่ามทำเพลงอีกต่อไป เขาระดมจูบผมเหมือนกับอดอยากมานาน ไม่ว่าปากคอรวมทั้งซอกหู ไม่มีอะไรรอดพ้นไปจากริมฝีปากหิวกระหายของเขาได้ เมื่อเป็นที่พอใจแล้ว เขาก็เลื่อนริมฝีปากเร่าร้อนลงมาที่หัวนมของผม ดูดไซ้อย่างเมามันจนผมขนลุกซู่ แทบไม่รู้ตัวเลยว่ากางเกงว่ายน้ำที่ใส่อยู่ถูกถอดออกไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็เมื่อปากครึ่งจมูกครึ่งกำลังซุกไซ้อยู่ที่ส่วนสำคัญพอดี
“ซี้ด…อาห์…” ผมครางออกไปอย่างไม่รู้ตัว เมื่อปากนุ่ม ๆ อุ่น ๆ ครอบลงมาบนแก่นกายที่แข็งกำลังได้ที่ การบรรเลงเพลงชิวหาพาเพลินดำเนินต่อไปไม่หยุด มีทั้งจังหวะนุ่มนวลแผ่วเบา มีทั้งจังหวะเร่งร้อนสลับกันไป ครบสูตรทั้งการดูด เลีย และเม้ม ผมเสียวจนยืนแทบไม่ติด แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคายพิษที่คั่งค้างมาหลายวันออก เขาก็หยุดเอาดื้อ ๆ แล้วลุกขึ้นยืนถอดกางเกงขาสั้นออกจากตัว มือรูดแก่นกายจนแข็งผงาด เพียงเท่านี้ผมก็รู้ว่าถึงทีเขาบ้างแล้ว ผมไม่รอช้า รีบก้มตัวลงจัดการดูดส่วนหัวสีแดงก่ำที่รออยู่ “โอ…อย่างนั้นแหละ…” เสียงครางที่ได้ยินแสดงว่าฝีไม้ลายมือการใช้ปากของผมไม่เลวนัก แต่ยังไม่ทันได้ปล่อยทีเด็ดมากไปกว่านี้ เขาก็ดึงตัวผมให้ลุกขึ้นจูบผมอย่างเร่าร้อน แล้วจับตัวผมหันหลังให้เขา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาอยากล่อประตูหลังเย็ดตูด ผมเกาะโขดหินไว้แน่นเตรียมตัวพร้อมสำหรับการถูกทะลวง หันไปมองด้านหลังเห็นเขาหยิบปลอกสีสวยออกมาจากเป้ บรรจงสวมลงที่แก่นกาย แล้วละเลงเจลจนทั่วทั้งลำ จากนั้นก็ค่อย ๆ สอดใส่ควยใหญ่เข้ามาช้า ๆ จนมิดด้าม
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางของมันโดยไม่ติดขัด การซอยและกระแทกก็เริ่มขึ้น มันรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเครื่องยนต์ที่ติดแล้วไม่มีการดับจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง… ตลอดเวลา สองมือผมต้องเกาะโขดหินไว้แน่น ไม่อย่างนั้นอาจหน้าคว่ำคะมำหงายเพราะแรงกระแทกกระทั้นอย่างไม่ยั้งของเขา ผมรู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มดินจะทะลาย ไม่เคยเจอความรุนแรงสะใจอย่างนี้มาก่อนเลย เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ ความเร่าร้อนก็พุ่งถึงขีดสุด เขากระแทกบั้นท้ายผมเร็ว แรง และลึกกว่าทุกครั้ง มือขอเขาที่กำแก่นกายของผมกระตุกอยู่ ก็เร่งจังหวะตามไปด้วย ผมเสียวสุดจะทนอีกต่อไป
“โอย…ผมทนไม่ไหวแล้ว…เปโดร” ผมหันไปบอกเขา “ผมก็เหมือนกัน…แม็กซ์…อูย…” เขากระซิบบอกผมเพียงเท่านั้น แล้วก็ครวญครางเสียงดังเป็นภาษาของเขาที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง รู้เพียงว่าเราต่างก็ระเบิดสิ่งที่คั่งค้างออกมาพร้อม ๆ กัน มันหนักหน่วงจนหอบแฮ่กด้วยกันทั้งคู่ นี่แหละเซ็กซ์สไตล์อิตาเลียน…เร่าร้อน…รุนแรง…และรวดเร็ว ดูเหมือนเขาจะเดาความคิดผมออก จึงพูดกับผมว่า “แม็กซ์…คุณคงไม่ผิดหวังนะ…ครั้งแรกมันก็รวดเร็วอย่างนี้แหละ แต่ครั้งที่สอง รับรองว่านานกว่านี้แน่” “ว่าไงนะ…จะมีครั้งที่สองเหรอ?” “ถ้าคุณไม่ปฏิเสธ” “ไม่ไหวแล้ว…แค่นี้ผมก็เหนื่อยจนไม่รู้ว่าจะเดินกลับไปขึ้นรถเมล์ไหวหรือเปล่า”
แทนที่จะไปเบียดเสียดกับคนบนรถเมล์และรถไฟกลับโรม เขาเสนอให้ผมนั่งรถเขากลับไปด้วยกัน แต่ผมต้องจ่ายค่าโดยสาร ซึ่งก็ไม่แพงไปกว่าค่าพาทัวร์ป่า ผมคิดดูแล้วมันก็ไม่ถึงกับเป็นการขูดรีดเกินไป จึงตกลงรับข้อเสนอของเขาโดยไม่อิดเอื้อน